การแปลผิดของล่ามราชการไทย: ผลกระทบต่อสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมภายใต้ ICCPR มาตรา 14
- Wanitcha Sumanat
- 14 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

สิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม (fair trial) เป็นหนึ่งในหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ได้รับการรับรองในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) มาตรา 14 โดยเฉพาะสิทธิของผู้ต้องหาที่ไม่เข้าใจภาษาของศาลที่จะได้รับล่ามโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของล่ามในหน่วยงานราชการของไทยในช่วงที่ผ่านมา พบปัญหาการแปลผิดจำนวนมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิตามมาตรา 14 ของ ICCPR และกระทบต่อความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม
1. สิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและบทบาทของล่าม
มาตรา 14 ของ ICCPR รับรองสิทธิของผู้ต้องหาให้ได้รับการพิจารณาคดีโดยศาลที่เป็นอิสระและเป็นกลาง รวมถึงสิทธิที่จะ “ได้รับความช่วยเหลือจากล่ามโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากไม่เข้าใจหรือไม่พูดภาษาที่ใช้ในศาล” (UN Human Rights Committee, 1984) การมีล่ามที่มีคุณภาพจึงไม่ใช่เพียงขั้นตอนทางพิธีการ แต่เป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ผู้ต้องหาสามารถเข้าใจข้อกล่าวหาและปกป้องสิทธิของตนเองได้อย่างเต็มที่
เมื่อการแปลผิดเกิดขึ้น ผลที่ตามมาได้แก่
ผู้ต้องหาไม่เข้าใจข้อกล่าวหา คำสั่งศาล หรือพยานหลักฐาน
สิทธิในการให้การปฏิเสธหรือการยินยอม (consent) ถูกบิดเบือน
คำพิพากษาอาจถูกโต้แย้งว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะผู้ต้องหาไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในการต่อสู้คดี
2. การละเมิดหลักการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ (Effective Remedy)
มาตรา 2 ของ ICCPR กำหนดให้รัฐภาคีต้องจัดให้มีการเยียวยาที่มีประสิทธิภาพหากสิทธิของบุคคลถูกละเมิด (UN General Assembly, 1966) หากความผิดพลาดในการแปลทำให้ผู้ต้องหาถูกพิพากษาโดยไม่ยุติธรรม แต่ไม่ได้รับการอุทธรณ์หรือแก้ไข ถือเป็นการละเมิดพันธกรณีของรัฐ ตัวอย่างเช่น คดี Cagas v. Philippines ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) วินิจฉัยว่าการที่ล่ามแปลผิดจำนวนมากเป็นเหตุให้กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม (UN Human Rights Committee, 2002)
3. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความรับผิดของรัฐ
การแปลผิดของล่ามราชการไม่เพียงกระทบสิทธิของผู้ต้องหาในคดีรายบุคคล แต่ยังอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงระบบ ได้แก่
การวิพากษ์วิจารณ์จากเวทีระหว่างประเทศเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ข้อสังเกตในรายงานการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (UPR)
ปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูตในคดีที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติหรือแรงงานข้ามชาติ
4. บทเรียนจากคดีระหว่างประเทศ
กรณี Michael and Brian Hill v. Spain (Communication No. 526/1993) เป็นตัวอย่างสำคัญที่ HRC เห็นว่าศาลสเปนไม่ได้ให้ความช่วยเหลือที่เพียงพอแก่ผู้ต้องหาเพราะล่ามเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน (student interpreter) ทำให้การสื่อสารไม่เต็มประสิทธิภาพ (UN Human Rights Committee, 1997) ในทำนองเดียวกัน ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) ได้ชี้ในหลายคดีว่า การไม่มีล่ามที่มีคุณสมบัติหรือไม่มีล่ามตั้งแต่ขั้นตอนการสอบสวน ทำให้ผู้ต้องหาถูกลดทอนโอกาสในการป้องกันตนเอง และถือเป็นการละเมิดสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมตาม Article 6 ของอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (European Court of Human Rights, 2010)
5. ข้อเสนอเชิงระบบ
เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิและรักษามาตรฐานกระบวนการยุติธรรม เสนอแนวทางดังนี้
การฝึกอบรมล่ามราชการอย่างต่อเนื่อง: เน้นความเข้าใจศัพท์กฎหมายเชิงลึก ไม่ใช่เพียงการท่องจำ
ระบบประเมินคุณภาพล่าม: กำหนดการสอบซ้ำหรืออบรมซ้ำหากมีการร้องเรียน
กลไกเยียวยา: ให้ผู้ต้องหามีสิทธิร้องเรียนหรือตรวจสอบบันทึกการล่าม (transcript/record)
สรุป
คุณภาพของการล่ามเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การแปลผิดแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิทธิของผู้ต้องหาและกระบวนการยุติธรรม การกำกับดูแลและประเมินคุณภาพของล่ามในหน่วยงานราชการอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครบถ้วน
เอกสารอ้างอิง
European Court of Human Rights. (2010). Artico v. Italy, Application no. 6694/74. Strasbourg: ECHR.
UN General Assembly. (1966). International Covenant on Civil and Political Rights. 999 U.N.T.S. 171.
UN Human Rights Committee. (1984). General Comment No. 13: Administration of Justice (Art. 14).
UN Human Rights Committee. (1997). Michael and Brian Hill v. Spain, Communication No. 526/1993, Views adopted 2 April 1997.
UN Human Rights Committee. (2002). Cagas v. Philippines, Communication No. 788/1997, CCPR/C/73/D/788/1997.




ความคิดเห็น